วิจัยพบนักศึกษาไทยนิยมเสพ ‘เว็บโป๊’ ผ่านสมาร์ทโฟน
โดย kittipanan | วันที่ 12 กรกฎาคม 2556
วิจัยพบนักศึกษาไทยนิยมเสพเว็บโป๊
บนสมาร์ทโฟน ผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง ยูทูป เฟซบุ๊ก ฯลฯ
พบกลุ่มตัวอย่างบางส่วนเคยประกาศหาคู่ทางอินเทอร์เน็ต ...
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่โรงแรมบางกอกชฎา กรุงเทพฯ มี
การประชุม
วิชาการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ จัดโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.)
กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มีการเปิดเผยข้อมูลงานวิจัยทางวัฒนธรรมจำนวน 12
เรื่องที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สวธ. โดยหนึ่งในจำนวนนั้น มีผลงานวิจัย ของ
ผศ.ดร.ศิริพร เสริตานนท์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น
เรื่องผลของการเปิดรับสื่ออนาจารต่อพฤติกรรมทางเพศของนักศึกษามหาวิทยาลัย
และแนวทางแก้ไขป้องกันปัญหาการเปิดรับสื่ออนาจาร
ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างมาก
ผศ.ดร.ศิริพร เปิดเผยว่า ตนเห็นว่า ปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น
มีแนวโน้มเฉลี่ยอายุลดลงเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้จากข่าวสารทุกวันนี้
มีเด็กทำแท้งมากขึ้นและเฉลี่ยอายุลดลง
โดยสาเหตุหนึ่งของการมีเพศสัมพันธ์ก็มาจากการรับสื่ออนาจารต่าง
จึงได้ทำการวิจัยในหัวข้อดังกล่าว ตั้งเดือนมกราคม-มีนาคม 2555
จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพ
มหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ระดับชั้นปีที่ 1-4 มีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.51-3.00
จำนวน 600 คน แบ่งเป็นชาย 298 คน หญิง 302 คน พบว่า
นักศึกษาเปิดรับสื่ออนาจารบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตในโซเชียลมีเดีย
อาทิ ยูทูป เฟซบุ๊ก มากถึงร้อยละ 80 โดยกลุ่มตัวอย่างระบุว่า
จะรู้จักเว็บไซต์อนาจาร 1-3 เว็บ โดยจะเน้นดูที่หอพัก และบ้านเพื่อน
ผศ.ดร.ศิริพร กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงอายุในการเปิดรับสื่ออนาจาร พบว่า
นักศึกษาชายเริ่มรู้จักและสัมผัสสื่อเมื่อช่วงอายุ 10-13 ปี
ส่วนนักศึกษาหญิงช่วงอายุ 14-16 ปี ที่สำคัญกลุ่มตัวอย่างบางส่วนยังระบุว่า
เคยประกาศหาคู่ทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่ วัตถุประสงค์ของการรับสื่ออนาจาร 3
อันดับแรก ได้แก่ 1.เพื่อความบันเทิง 2.เพื่อผ่อนคลายความเครียด และ
3.เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะศึกษาความรู้เรื่องเพศ ทั้งนี้
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มสาขาวิชา พบว่า
กลุ่มนักศึกษาวิชามนุษยศาสตร์/สังคมศาสตร์
เปิดรับสื่ออนาจารเพื่อความบันเทิง อยากรู้อยากเห็น
ส่วนกลุ่มนักศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ แพทย์ เน้นบันเทิง หาความรู้เรื่องเพศ
เป็นต้น

“ผล
การประมวลสัดส่วนการเกิดพฤติกรรมทางเพศของนักศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เคยเปิด
รับสื่ออนาจารในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า
นักศึกษามีพฤติกรรมการเปิดรับสื่ออนาจารสูงสุด
แต่ปฏิเสธการรับสื่ออนาจารเมื่อเพื่อนชักชวน รองลงมา คือ
พฤติกรรมชอบเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนต่างเพศ
พฤติกรรมหมกมุ่นทางเพศและเคยซื้อบริการทางเพศ ที่สำคัญยังพบว่า
กลุ่มตัวอย่าง เคยมีพฤติกรรมเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ชายกับชาย ร้อยละ 55
และหญิงกับหญิง ร้อยละ 66 นอกจากนี้
ยังพบพฤติกรรมทางเพศที่น่าสนใจที่เกี่ยวเนื่องกับการรับสื่ออนาจาร 3 ลำดับ
ได้แก่ 1.เคยขายบริการทางเพศ 2.มั่นใจในความเป็นชายจริงหญิงแท้ และ
3.ควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางเพศได้ดีอีกด้วย ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง
กลุ่มเรียนดี ระดับหัวกะทิ อาทิ นักศึกษาคณะแพทย์ และวิทยาศาสตร์
เป็นกลุ่มบริโภคสื่ออนาจารนี้เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
สื่ออนาจารมีผลต่อนักศึกษาทุกกลุ่ม” ผศ.ดร.ศิริพร กล่าว
ผศ.ดร.ศิริพร กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการป้องกันนั้น
กลุ่มอาจารย์เห็นว่า
รัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายและบทลงโทษการประกอบธุรกิจสื่ออนาจารบนอิน
เทอร์เน็ต
รวมทั้งสถาบันการศึกษาควรมีการสอดแทรกเนื้อหาการเรียนที่สอนให้นักศึกษา
รู้จักเลือกรับสื่อที่เหมาะสมในรายวิชาต่างๆ กลุ่มผู้ปกครอง เห็นว่า
ควรจะมีการพัฒนาความรู้ของผู้ปกครองให้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเข้าถึงชุมชนออ
นไลน์ได้ เพื่อสามารถตรวจสอบติดตามการใช้อินเทอร์เน็ตของบุตรหลานได้
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องและโดนใจบุตรหลาน
รวมทั้งสามารถพูดคุยถึงผลกระทบการใช้สื่ออนาจารกับบุตรหลานอย่างเปิดเผย
ส่วนกลุ่มนักศึกษาผู้ที่เข้าถึงสื่ออนาจารโดยตรง เสนอแนวคิดไว้ว่า
สื่อลามกอนาจารมีผลกระทบต่อจิตใจ ร่างกาย การป้องกันที่ได้ผลที่สุด คือ
การฝึกควบคุมจิตใจตนเอง รู้จักใช้เหตุผลในการเลือกรับสื่อ รู้เท่าทันสื่อ
แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต และทำให้หายไปได้
ดังนั้น
ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลในการเลือกบริโภคสื่ออย่างชาญฉลาด
โดยใช้สติ รู้คิด วิเคราะห์ และพอเหมาะพอดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
link http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/35516