วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ผลวิจัยชี้ 'เม็ดหมามุ่ย' ช่วยเชื่อมสัมพันธ์หญิงชาย

นักวิจัยค้นพบสรรพคุณ 'เม็ดหมามุ่ย' ช่วยเชื่อมสัมพันธ์หญิงชาย เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ หลังคั่วแล้วบดละเอียดชงให้กลุ่มตัวอย่างทดลองดื่ม

ผลวิจัยชี้ 'เม็ดหมามุ่ย' ปลุกเร้าอารมณ์เซ็กซ์

ในการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2555 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา มีการนำเสนอผลงานวิจัยของข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จำนวนกว่า 800 ผลงาน โดย 1 ในผลงานที่น่าสนใจคือ ผลงานวิจัยเรื่อง "หมามุ่ย : สมุนไพรต่อความมั่นคงของชีวิตสมรส" ของนางชนัดดา บัลลังค์ นักวิชาการจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ

นางชนัดดา เปิดเผยว่า จากการศึกษาสมุนไพรหมามุ่ย โดยเปรียบเทียบผลของการใช้สมุนไพรหมามุ่ยต่อชีวิตสมรสกับชาวบ้านจำนวน 6,217 คน ใน ต.โพธิ์ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยสมัครใจ จำนวน 40 คน เป็นชาย 20 คน และหญิง 20 คน ซึ่งก่อนการวิจัยให้ข้อมูลว่ามีความรู้สึกถึงความมั่นคงต่อชีวิตสมรสในระดับ ปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ในการทดลองได้ใช้เม็ดหมามุ่ยคั่วสุกบดละเอียดชงให้ดื่ม และสอบถามความรู้สึกหลังดื่มอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ระบุว่า ระดับความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่างต่อชีวิตสมรสก่อนการใช้หมามุ่ยอยู่ในระดับ ปานกลาง แต่เมื่อได้ดื่มน้ำเม็ดหมามุ่ยคั่วบดละเอียดแล้ว ความรู้สึกต่อชีวิตสมรสเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับมาก

นางชนัดดากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้มีการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่างที่ดื่มน้ำสมุนไพรหมามุ่ย พบว่ามีความพอใจคู่สมรส และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยในผู้หญิงมีความรู้สึกว่าหน้าอกมีความเต่งตึง และอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการรับสัมผัสทางเพศมีความกระชับมากขึ้น การมีเพศสัมพันธ์ดี ไม่เหนื่อยง่าย

"ขณะที่เพศชายมีความรู้สึกว่าระหว่างปฏิบัติการไม่เหนื่อยง่าย แถมยังกระฉับกระเฉง จำนวนครั้งที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยได้เสนอแนะว่า การใช้หมามุ่ยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และผู้ใช้ต้องมีความรู้ทางด้านสมุนไพรเพื่อความปลอดภัย" นางชนัดดากล่าวและว่า งานวิจัยครั้งนี้มีสมมติฐานการวิจัยมาจากฐานข้อมูลของกรมการปกครองที่พบว่า สถิติการหย่าร้างของคนไทยตั้งแต่ปี 2550-2552 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 100,420 คน ในปี 2550 เพิ่มเป็น 109,277 คน ในปี 2552 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดว่าควรจะมีแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มที่มีแนวโน้มหย่าร้าง หรือเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ชีวิตคู่ ชีวิตสมรสให้มากขึ้น เพราะอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า เพศสัมพันธ์มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตคู่ของมนุษย์มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นความต้องการพื้นฐานในความสุขทางเพศจะต้องประกอบด้วยปัจจัยที่ เหมาะสมทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งเมื่อสภาพร่างกายที่มีอายุมากขึ้น การปลุกเร้าทางเพศต้องใช้เวลานานขึ้น และการแข็งตัวของอวัยวะเพศก็อาจแข็งตัวช้า







ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

สธ.ชู 'ฮูล่าฮูป' กระตุ้นคนไทยออกกำลังกาย

สธ.เผยคนไทยออกกำลังกายน้อยปี 54 ลดลงจากปี 50 ที่มีเกือบ 30% ชี้ให้เห็นว่าประชาชนไทยส่วนใหญ่คือ 42 ล้านคน กำลังใช้ชีวิตบนความเสี่ยงทั้งโรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พร้อมชู 'ฮูล่าฮูป' กระตุ้นคนไทยออกกำลังกาย


สธ.ชู 'ฮูล่าฮูป' กระตุ้นคนไทยออกกำลังกาย

น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมการออกกำลังกายของประชาชน อายุ 11 ปีขึ้นไปทั่วประเทศที่มี 57.7 ล้านคน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2554 พบว่า มีผู้ออกกำลังกายเพียง 26% หรือ 15 ล้านกว่าคน ลดลงจากปี 2550 ที่มีเกือบ 30% ชี้ให้เห็นว่าประชาชนไทยส่วนใหญ่คือ 42 ล้านคน กำลังใช้ชีวิตบนความเสี่ยงทั้งโรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพราะไม่ออกกำลังกาย ขณะเดียวกันจากรายงานผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อในประเทศไทย ของกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2553 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรังปีละกว่า 1 แสนคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทุกสาเหตุ โดยผู้เสียชีวิต 40% มีอายุน้อยกว่า 60 ปี การรักษาพยาบาลประมาณปีละ 300,000 ล้านบาท โดยมีรายงานว่ากลุ่มคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีภาวะอ้วนและอ้วนลงพุงแล้วกว่า 17 ล้านคน

น.พ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า การจัดการแข่งขันเต้น ฮูล่าฮูปเป็นการสร้างกระแสปลูกฝังพฤติกรรมการออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยจากโรคดังกล่าว ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีไทย พ.ศ.2555-2559 ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง

ด้าน น.พ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการแข่งขันเต้นฮูล่าฮูปรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ มี 2 ประเภท ได้แก่ 1.ประเภททีมลีลา ความสวยงามและความพร้อมเพรียง รวมทั้งหมด 67 ทีม ทีมละ 30 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มชนะเลิศระดับภาค 20 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน กำแพงเพชร สุรินทร์ มหาสารคาม นครพนม ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ลพบุรี ตราด ชลบุรี จันทบุรี สิงห์บุรี พัทลุง สงขลา สุราษฎร์ธานี ระนอง และตรัง ผู้ชนะเลิศอันดับ 1-5 ได้รับเงินรางวัลรวม 110,000 บาท กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มทีมเข้าแข่งขันจาก 47 จังหวัดที่ไม่ติดอันดับระดับภาค จำนวน 47 ทีม ผู้ชนะเลิศอันดับ 1-5 ได้รับเงินรางวัลรวม 80,000 บาท ประเภทที่ 2 ได้แก่ ฮูล่าฮูปมาราธอน นานกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไป มีตัวแทนจังหวัดร่วมแข่งขันจังหวัดละ 1 คน เต้นได้นานที่สุด รวมเงินรางวัลกว่า 5 หมื่นบาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

สมดุลระหว่างเนื้อสัตว์กับผัก



 
          อาหารไทยแต่ไหนแต่ไร มักมีองค์ประกอบของสารอาหารหลักครบถ้วน 5 หมู่ ทั้งข้าว เนื้อสัตว์ พืชผักสวนครัวผลไม้ที่ปลูกไว้ทานเองหรือหาซื้อทานได้ง่ายตามตลาดจึงได้ชื่อ ว่าสำรับอาหารไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ที่หนึ่งในโลก ต่อมาเมื่ออาหารจากซีกโลก ตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลต่อทางเลือกในการทานอาหารของคนไทยมากขึ้น การทานเนื้อสัตว์ติดมันและแป้งจึงมากขึ้นตามบางคนอาจขาดการทานผักไปทั้ง สัปดาห์เลยก็มี หากทานแต่เนื้อสัตว์จนลืมทานผักก็อาจส่งผลไม่ดีต่อระบบย่อย อาหารและลำไส้ได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดโรคต่างๆ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายของเสียจากการขับถ่ายได้ดีพอ
 
          ด้วยเหตุนี้ การทานแต่เพียงผักและผลไม้จึงเป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพ ที่อาจจะไม่ถึงกับต้องเลิกทานเนื้อสัตว์แต่ลดปริมาณลงได้ ในขณะเดียวกันถ้านิยมทานผักกันมากขึ้น อาจไม่ถึงกับต้องทานเป็นมังสวิรัติหรืออาหารเจไปเลยทุกมื้อ เพียงแต่ในแต่ละมื้อต้องมีผักและผลไม้ที่ควรจะเป็นตัวชูโรงเสมอ ประโยชน์ของการทานผักอย่างแรกเลยก็คือเรื่องของกากใยอาหาร อันเป็นองค์ประกอบที่มีอยู่ในพืชพรรณชนิดต่างๆ ซึ่งไฟเบอร์นี้ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่าย และช่วยให้ระบบขับถ่ายสมบูรณ์ขึ้น ไม่มีของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ อันอาจเป็นต้นเหตุให้ระคายเคืองลำไส้จนเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ การทาน ผักให้มากไม่ได้หมายความว่าจะต้องงดทานเนื้อสัตว์ไปเลย เพียงแต่อาจจะสลับกันทาน วันนี้เนื้อหมูบ้าง พรุ่งนี้เนื้อไก่บ้าง วันนี้กุ้งหรือปลาหมึก พรุ่งนี้เป็นเนื้อปูหรือเนื้อปลา ไม่ต้องทานเนื้อสัตว์ให้ครบทุกชนิดในมื้อเดียวและค่อยๆ ลดปริมาณลงบ้างเท่านั้นเอง
 
          นอกจากนี้ เมื่อลดการทานเนื้อสัตว์ลงแล้ว ควรจะทานธัญพืชให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนไม่ขาด และสำหรับผู้ที่ขาดโปรตีนไม่ได้ ก็ควรจะเน้นทานโปรตีนจากเนื้อปลา เนื่องจากมีไขมันน้อย ย่อยง่าย แถมดีต่อสมองของเราอีกด้วย  ไม่ว่าจะงดหรือลดการทานเนื้อสัตว์ด้วยเหตุใดก็ตาม ที่ว่าได้บุญ ตามกระแส อยากลดน้ำหนัก หรือต้องการดูแลสุขภาพนั้น สิ่งที่ควรคำนึงถึงให้มากที่สุดก็คือ การทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ในทุกมื้อ ถ้าจะทานเนื้อสัตว์ก็ควรทานอย่างสมดุลกับความต้องการและสภาพร่างกาย อย่าให้ขาดอย่าให้เกิน อย่าทำให้ร่างกายต้องลำบากเพราะขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วอาจไม่ได้ประโยชน์ ซ้ำยังนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บเสียอีก
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

ประกาศพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ล่าสุด

แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ห้ามสูบทั้งในและนอก หรือเฉพาะในอาคาร


          ประกาศกระ ทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 19 พ.ศ. 2553 ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2553 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. โดยประกาศฉบับนี้เป็นการกำหนดสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ 100% หรือห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ

           กลุ่มที่ 1 ห้ามสูบบุหรี่ทั้งในและนอกสถานที่ ได้แก่ สถานศึกษา โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆ ศาสนสถาน สนามกีฬา ธนาคารและสถาบันการเงิน สถานที่สาธารณะทั่วไป ทั้งร้านค้า สถานบันเทิง สถานที่ออกกำลังกาย ห้างสรรพสินค้า และบริเวณโถงพักคอยและบริเวณทางเดินทั้งหมดภายในอาคารโรงแรม ห้องเช่า หอพัก คอนโดมิเนียม เป็นต้น

            กลุ่มที่ 2 ห้ามสูบบุหรี่เฉพาะในอาคาร แต่สามารถจัดพื้นที่สูบไว้นอกอาคารได้ ได้แก่ สถานที่ราชการและรัฐวิสาหกิจ ปั๊มน้ำมันและปั๊มแก๊ส มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาตั้งแต่ระดับอุดมศึกษา รวมทั้งสถานที่ทำงานเอกชน สถานีขนส่งผู้โดยสารทางบกทุกประเภท และสถานีรถไฟ
        
            และกลุ่มที่ 3 สถานที่ที่อนุญาตให้สูบในอาคารได้ แต่ต้องจัดพื้นที่ไว้เป็นการเฉพาะ ปัจจุบันมีเพียงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเท่านั้น

          นอก จากนั้นยังกำหนดให้เจ้าของสถานที่ต้องให้ความร่วมมือกับกฎกระทรวง โดยติดเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่ตามที่กฎหมายกำหนด ต้องดูแลไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในพื้นที่ที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ ส่วนการจัดเขตสูบบุหรี่นอกอาคารนั้น จะต้องไม่อยู่บริเวณทางเข้าออก แต่ต้องอยู่ในที่ที่ลับตา และไม่รบกวนผู้อื่น

          สำหรับ ผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท เจ้าของสถานที่ไม่ติดเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่หรือเขตสูบบุหรี่ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

          ถือเป็นอีกก้าวในการลดพื้นที่ของผู้สูบบุหรี่ให้แคบลงไปอีก

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์ รณรงค์ให้คนเช็คผลเลือด

1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์ รณรงค์ให้คนเช็คผลเลือด

สธ.-มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ การเปิดบริการ 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์ หวังช่วยผู้รับบริการเข้าใจ เข้าถึงความรู้ ข้อมูลการรักษาและบริการ

นายนิมิตร์ เทียนอุดมนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า สถานการณ์เอดส์ในปัจจุบันเปลี่ยนไป คนเริ่มประเมินความเสี่ยงที่แท้จริงต่อการรับเชื้อเอชไอวีได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม คนจำนวนหนึ่ง ยังมีความกังวลที่จะรู้ผลเลือดของตนเอง ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ สาเหตุแรก คือ กังวลเรื่องความลับ โดยเกรงว่าเมื่อไปตรวจแล้วคนอื่นจะรู้หรือสงสัยว่าไปทำพฤติกรรมที่มีความ เสี่ยงมา ข้อนี้เป็นปัญหาซับซ้อนเพราะคนมักจะผูกโยงเรื่องเอดส์กับทัศนคติเดิมของตัว เองที่มีต่อเรื่องเพศ โดยมองว่าผู้ติดเชื้อเป็นคนไม่ดี มีพฤติกรรมที่ไม่ดี ซึ่งจริงๆแล้วการมองแบบนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับทำให้ปัญหาซับซ้อนและแก้ยากขึ้น ส่วนสาเหตุที่สองที่ทำให้คนไม่ไปตรวจเลือดคือ คิดว่ารู้ผลไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ คิดว่าเอดส์เป็นแล้วตาย ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เก่ามาก ปัจจุบันเอดส์รักษาได้แล้ว ส่วนอีกสาเหตุหนึ่ง คือ ไม่รู้ว่าจะไปตรวจที่ไหน ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่อย่างไร

"จากการเปิดบริการ 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์ พบว่า ผู้รับบริการหลายรายกังวลเรื่องที่จะไปตรวจเลือด เช่น ผู้รับบริการรายหนึ่งทราบข้อมูลการรักษาเอชไอวี/เอดส์ผ่านรายการทีวี. และประเมินได้ว่าตัวเองมีความเสี่ยง เพราะเคยมีเพศสัมพันธ์แบบ ไม่ป้องกันเมื่อ 5-6 ปีก่อน มีความกังวลว่าจะได้รับเชื้อ จึงอยาก ตรวจเลือด แต่ไม่ทราบว่าจะไปตรวจที่ไหน กรณีแบบนี้ หากผู้รับบริการ คนนี้ได้รับเชื้อจริง ระดับภูมิคุ้มกันก็น่าจะเหลือน้อยจนเกือบป่วยและต้องได้รับยาต้านไวรัสแล้ว เนื่องจากเกณฑ์เฉลี่ยคนไทยจะป่วยเมื่อรับเชื้อไปแล้ว 7-10 ปี ซึ่งถ้ารู้ผลเลือดเร็วกว่านี้จะเป็นผลดีต่อการดูแลสุขภาพ เพราะหากตรวจแล้วไม่ติดเชื้อก็จะได้หาวิธีทำให้ผลเลือดเป็นลบตลอดไปหรือหาก ตรวจแล้วติดเชื้อก็จะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็ว ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วย" นายนิมิตร์ กล่าว

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

โรคตับอักเสบจากไวรัสเอ

 

 ตับอักเสบจากไวรัสเป็นโรคที่พบได้ทั่วโลก ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ไวรัสที่ทำให้เกิดตับอักเสบมีตั้งแต่ไวรัสตับอักเสบชนิด A, B, C, D, E, F, G นอกจากนี้ยังมีการค้นพบไวรัสชนิดใหม่ ๆ ที่อาจทำให้เกิดตับอักเสบได้เช่นเดียวกัน เช่น ไวรัสไข้เลือดออก ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมและงูสวัด เป็นต้น
      ไวรัสตับอักเสบเอ เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา เนื่องจากการติดต่อของโรคเกิดขึ้น โดยการรับประทานอาหาร หรือน้ำดื่มที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนเข้าไป นอกจากนี้ยังอาจติดต่อได้โดยการสัมผัสกับเลือดของผู้ป่วย ในขณะที่มีเชื้อไวรัสอยู่ในกระแสเลือด
      ไวรัสตับอักเสบเอ นอกจากพบในคนแล้ว ยังพบในลิงซิมแปนซี นกฮูก ลิงชนิดต่าง ๆ อีกด้วย
ลักษณะอาการของโรค
      การ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เป็นได้ทั้งชนิดมีอาการและชนิดไม่มีอาการ ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ แต่อาการจะมากและรุนแรงขึ้นในกลุ่มอายุที่มากขึ้น ในผู้ใหญ่อาการมักเป็นรุนแรงกว่าในเด็ก
      อาการเริ่มต้นด้วยเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีไข้ต่ำ ๆ ในวันแรก ๆ ปัสสาวะสีเข้ม ปวดบริเวณชายโครงขวา ตัวและตาเหลือง ตรวจเลือดจะพบการทำงานของตับผิดปกติ
      ระยะเวลาดำเนินของโรค 4-8 สัปดาห์ ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยจะมีระดับการทำงานของตับเป็นปกติภายใน 1 เดือน บางรายอาจเหลืองเกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่มักเป็นปกติภายในไม่เกิน 6 เดือน 

การป้องกัน
      1. ทางด้านสุขอนามัย เนื่องจากโรคตับอักเสบจากไวรัสเอ ส่วนใหญ่ติดต่อทางอาหารและน้ำดื่ม ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่ทำสุกสะอาด และดื่มน้ำที่สะอาด ถ้าไม่แน่ใจให้อุ่นหรือต้มในน้ำเดือดนานเกิน 1 นาที หรือผ่านความร้อนด้วย Microwave สำหรับผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยต้องแยกสิ่งของเครื่องใช้ เนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ จะขับออกมาทางอุจจาระ มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อได้
      2. การให้ภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่สัมผัสโรคสามารถให้ภูมิคุ้มกันชนิดป้องกันได้ทันที (Hepatitis A lmmune Globulin) แต่ภูมิคุ้มกันนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน ฉะนั้นจึงแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนร่วมด้วย
      การให้วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบจากไวรัสเอ (Hepatitis A Vaccine) แนะนำให้เริ่มให้ในเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป โดยให้ 2 ครั้ง ห่ากงัน 6-12 เดือน